“ WHAUP ” ติดตั้ง Solar Carpark ใหญ่สุด
บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เดินหน้าติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถ (Solar Carpark) บนลานจอดรถของโรงงานผลิตรถยนต์ MG ของ SAIC MOTOR-CP รวมพื้นที่หลังคา 31,000 ตารางเมตร มีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 4.88 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นโครงการ Solar Carpark มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2563 ระบุ เตรียมรับรู้รายได้จากโปรเจคนี้ เฉลี่ยปีละ 20 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 20 ปี ด้าน CEO “ วิเศษ จูงวัฒนา ” ปรับเป้ายอดเซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 25 เมกะวัตต์ จากเดิมตั้งไว้ 15 เมกะวัตต์ หลังลูกค้าสนใจพลังงานสะอาด ช่วยลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หนุนเป้า 5 ปี (2561-2565) จะมีการให้บริการติดตั้ง Solar Rooftop ครบ 100 เมกะวัตต์
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัท ได้เซ็นสัญญาร่วมกับ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด (SAIC MOTOR-CP) ในช่วงต้นไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จอดรถ (Solar Carpark) ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 4.88 เมกะวัตต์ บนพื้นที่หลังคาลานจอดรถ รวม 31,000 ตารางเมตร หรือจอดรถได้ประมาณ 2,000 คัน ของโรงงานผลิตรถยนต์ MG ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 (WHA ESIE 2) โดยอายุสัญญาโครงการดังกล่าว มีระยะเวลา 20 ปี คาดว่าโครงการนี้จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส1/2563 และจะเป็นโครงการ Solar Carpark มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากโครงการดังกล่าว เฉลี่ย 20 ล้านบาทต่อปี ตลอดอายุสัญญา 20 ปี
“การติดตั้ง โครงการ SAIC MOTOR-CP Solar Carpark นั้น ทาง WHAUP จะให้ทางบริษัท WHA Solar จำกัด หรือ WHASL ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบด้านการลงทุนติดตั้ง โครงหลังคาลานจอดรถ และระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การออกแบบ ดำเนินการด้านวิศวกรรมติดตั้ง และก่อสร้าง ซึ่งใช้งบลงทุนประมาณ 175 ล้านบาท พร้อมทั้งยังดูแลในด้านการขอใบอนุญาต และยังมีการบำรุงรักษาหลังการติดตั้งให้อย่างครบวงจร ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในศักยภาพ ความเชี่ยวชาญในประสบการณ์ของทีมบุคคลากรที่มีความเป็นมืออาชีพในการให้บริการลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และในขณะเดียวกัน ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานให้กับลูกค้า ด้วยเช่นเดียวกัน ” นายวิเศษ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ กล่าวเพิ่มว่า ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้า สนใจติด Solar Rooftop จำนวนมาก ทั้งลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปและกลุ่มลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาในกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ในขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีลูกค้าที่เซ็นสัญญาติดตั้ง Solar Rooftop เกินกว่าเป้าที่บริษัทฯ วางไว้ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 15 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับเป้าใหม่ ทั้งนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้ จะติดตั้ง Solar Rooftop ได้ 25 เมกะวัตต์ และหากรวมกับ Solar Rooftop เดิมที่มีติดตั้ง และดำเนินการในเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วกว่า 10 เมกกะวัตต์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2562 นี้ WHAUP จะมี Solar Rooftop รวมทั้งหมด 35 เมกกะวัตต์ และบริษัทฯ คาดว่า ภายใน 5 ปี (2561-2565) WHAUP จะมีการให้บริการติดตั้ง Solar Rooftop จำนวน 100 เมกะวัตต์ อย่างแน่นอน
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งที่เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ไปแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งทั้งหมดจำนวน 30.7 เมกะวัตต์ โดยโครงการที่อยู่ระหว่างติดตั้ง 21.2 เมกะวัตต์ ตามแผนจะทยอยเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 3/2562 ถึงไตรมาส 1/2563 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการให้บริการ และความสนใจของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งให้ความสนใจพลังงานที่เป็น Green Energy สามารถช่วยลดต้นทุน ประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น