จับตาพลังงานคลอดนโยบายบิ้กบึ้มรถ “อีวี-ไฮโดรเจน”
“สนธิรัตน์” ระดมสมองครั้งใหญ่ขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชน ในวันที่ 9 ตุลาคม นี้ หวังลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 พ่วงออกมาตรการหนุนใช้บี 10 สิ้นเดือน ต.ค.นี้ ส่งเสริมการใช้เอทานอล และคลอดแพ็กเกจกระตุ้นใช้รถยนต์ EV ให้ครบวงจรในชีวิตประจำวัน จับตานโยบายบิ้กบึ้มหนุนผลิตรถสมัยใหม่ใช้ไฮโดรเจน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2562 นี้ จะมีการระดมสมองใหญ่ โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) จะเปิดรับฟังความคิดเห็นโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ที่จะเชิญทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าไบโอแมส ไบโอแก๊ส ผู้เชี่ยวชาญหญ้าเนเปียร์ และภาคประชาสังคมผู้ที่เป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เกิดเศรษฐกิจฐานรากมาร่วมแสดงความเห็นเพื่อให้เกิดการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนโดยกระทรวงพลังงานจะขับเคลื่อนให้เกิดโดยเร็ว ซึ่งมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนด้วยการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรที่เป็นพืชพลังงาน
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชุมชนจะเป็น 1 ใน 4 นโยบายหลักของกระทรวงพลังงานในการแก้ไขปัญหาปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ด้วย เพราะเป็นการส่งเสริมเอาเศษวัสดุทางการเกษตรเหลือใช้ที่มีถูกเผาทิ้งเกิดปัญหา เปลี่ยนมาเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชุมชน เช่น ฟางข้าว ซังข้าวโพด ซึ่งจะมีการเลือกสรุปโรงไฟฟ้าชุมชนจากรูปแบบต่างๆไม่เกินสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้แก่ การส่งเสริมการใช้เอทานอลผสมเบนซิน (แก๊สโซฮอล์) ซึ่งเอทานอลจะมาจากมันสำปะหลัง น้ำอ้อย กากน้ำตาล สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้
มาตรการส่งเสริมการใช้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันพื้นฐานที่จะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยกำหนดภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2563 จะต้องมีสถานีบริการน้ำมัน B10 ทั่วประเทศ และกระทรวงพลังงานจะออกแคมเปญส่งเสริมการใช้ B10 ให้มากขึ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคม นี้
และมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ที่จะออกแพกเกจมาสนับสนุนภายในสิ้นปีนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้และการลงทุนที่ไม่ว่าจะเป็นสถานีชาร์ต รถยนต์ ระบบไฟฟ้า และแบตเตอร์รี่ โดยเฉพาะแบเตอร์รี่จะมีการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตแบตเตอร์รี่ของภูมิภาคด้วย
“แพ็กเกจที่จะเปิดออกมารับรองว่าจะบิ้กบึ้ม จะมีการหารือทุกองค์ที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างชาติเข้ามาด้วย ก่อนกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป โดยเฉพาะภาคขนส่งที่ผ่านมายังไม่มีการส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV คาดว่าใช้เวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีนี้ไม่เกิน 5 ปี”
แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ “สำนักข่าวไทยมุง”ว่า ขณะนี้ฝ่ายกำหนดนโยบายและแผนของกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการกำหนดนโยบายส่งเสริมรถยนต์ EV ในประเทศไทยให้เชื่อมโยงเป็นแพ็กเกจครบวงจรในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากการชาร์ตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน แล้วรถ EV ที่เป็นนวัตกรรมสมัยใหม่แบตเตอร์รี่สามารถเก็บไฟได้มากขึ้นสามารถต่อเชื่อมเข้าสายส่งนำไปใช้ในบ้านได้ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ ได้ อาทิ น้ำปั่นผลไม้ หม้อหุงข้าว เครื่องปิ้งย่าง เป็นต้น
นอกจากนี้ ภายหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์แสดงนวัตกรรมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของโตโยต้าที่ เมกะ เวฟ ที่ประเทศญี่ปุ่น และสนใจนวัตกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ในโลกอนาคต โดยเฉพาะรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่น MIRAI ของโตโยต้า ซึ่งเทคโนโลยีสมัยใหม่พลังงานทางด้านนี้เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถบัส รถบรรทุก มีความเหมาะสมมาก และในเร็วๆ นี้จะได้เห็นรัฐบาลออกนโยบายผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์ไฮโดรเจนในประเทศไทย