แนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันที่ขยับต่อเนื่องไต่ระดับจากราคารับประกันในอดีตที่ 4 บาท/กิโลกรัม ขยับขึ้นมาทะลุ 5 บาทกว่าต่อกิโลกรัมแล้ว และมีแนวโน้มขยับต่อเนื่องไปจนติดเพดานสูงสุดที่เคยทำไว้ที่ 7 บาท ต่อกิโลกรัม ทำให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับระดับดีมานด์ปาล์มน้ำมันจะมีสูงมากน้อยแค่ไหน
จากนโยบายกระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมน้ำมัน B10 จนประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และถือเป็นผลงานการบริหารของ “น้าสน” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่เก็บทุกรายละเอียด และครบถ้วนด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลในทุกๆ ด้าน จนสุดท้ายจับเอามาบริหารจัดการดีมานด์ และซัพพลายได้อย่างลงตัว
ส่งผลบวกต่อเกษตรกรที่ขายผลิตผลได้ในราคาดี และเมื่อราคาปาล์มน้ำมันขยับตัวสูงขึ้น ก็กลายเป็นคำถามตามมาเกี่ยวกับ “ซัพพลาย” โดยเฉพาะเรื่องของราคาปาล์มน้ำมันจะยังเป็นสูงขึ้นอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ในอนาคต และปริมาณการผลิตเพียงพอต่อความต้องการใช้ B10 ในอนาคตหรือไม่นั้น
ล่าสุด นายสนธิรัตน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณปาล์มน้ำมันยังไม่ขาดตลาด แต่อยู่ในช่วงที่มีราคาสูงขึ้นมากจากนโยบายส่งเสริม B10 และเมื่อนโยบายเดินเต็มตัวก็ต้องเตรียมสต๊อก B100 เพื่อจะนำมาเติมโรงกลั่นตามฟอร์แคชของการใช้ ซึ่งโครงการ B10 ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2563 การให้บริการจะกระจายครบทุกสถานีบริการน้ำมัน ทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อการใช้ขยายออกไปเยอะขึ้นก็จำเป็นจะต้องใช้ B100 เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ตามส่วนผสมไบฏอดีเซลที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากเดิม 7% เป็น 10% ต่อน้ำมัน 1 ลิตร ซึ่งในขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าปริมาณปาล์มน้ำมันยังคงมีเพียงพออยู่
ด้านนายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก ปฏิบัติหน้าที่บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความต้องการน้ำมัน B10 ว่า เรื่องนี้คงต้องเทียบจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลที่มีความต้องการมากขึ้นราว 2% ต่อปี และยังเติบโตต่อเนื่อง จากเดิมที่รัฐกำหนดให้เป็นน้ำมัน B7 คือผสมไบโอดีเซล 7% ต่อลิตรตามสถานีบริการ และต่อมาได้เพิ่มไบโอดีเซลมากขึ้น งเป็น 10% ต่อลิตร หรือเรียกว่า B10 เท่ากับความต้องการน้ำมันไบโอดีเซลเติบโตราว 30-40% ก็เป็นไปไปตามแพลนที่เดินไปข้างหน้าตามที่รัฐบาลกำหนด
“การใช้น้ำมัน B10 ความต้องการก็จะเป็นไปตามอุปสงค์เหมือนการใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งจะเติบโตอยู่ราว 2% ต่อปี ซึ่งได้สะท้อนภาพราคาปาล์มน้ำมันที่ดีขึ้นมากตามไปด้วย”
