สังคมไทยมุง

“น้าสน”คว้าอันดับ 1 เจ้ากระทรวงทำตามสัญญา ดัน Energy for All “พลังงานเพื่อทุกคน”

“น้าสน” คว้าอันดับ เจ้ากระทรวงทำตามสัญญา ดัน Energy for All “พลังงานเพื่อทุกคน”

สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จัดอันดับรัฐมนตรี วัดคนอนาคตใหม่ จากกรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,010 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพระหว่างวันที่ 16–20 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา จากคำถามรัฐมนตรีที่ทำตามสัญญาช่วงเลือกตั้งมากที่สุด

อันดับที่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร้อยละ 22.8

อันดับที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐานตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 18.1

อันดับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทราวงกลาโหม ร้อยละ 17.5

อันดับที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 11.1

อันดับที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้อยละ 9.5

นายสนธิรัตน์ ได้ใช้นโยบาย Energy For All “พลังงานเพื่อทุกคน” เพื่อใช้ภาคพลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก หวังสร้างรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยวางเป้าหมายระยะสั้นที่จะเร่งดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรม มีดังนี้

1.ช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชนด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรมช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยอยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซให้เกิดความเป็นธรรม

2.ทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องมีไฟฟ้าใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งพื้นที่บริเวณชายขอบ ชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายสายส่งที่เกิดไฟตกไฟดับ จำเป็นต้องแก้ปัญหาอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งจัดทำแผนงานสนับสนุนงบประมาณผ่านกองทุนอนุรักษ์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ทุกพื้นที่ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง

3.ขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชน จำนวน 700 มเกะวัตต์ ให้เกิดขึ้นภายในปี 2563 หลังจากได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตามนโยบายกระทรวงพลังงานกำหนดไว้ภายในเดือนมกราคม 2563 จะมีการเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชน ได้พร้อมๆ กันทั้งโครงการแบบ Quick win และแบบโครงการทั่วไป เพื่อแจ้งเกิดโครงการให้ได้ในปี 2563

ส่วนผลงานที่สำเร็จเป็นรูปธรรมจับต้องใช้ในวันนี้ราคาปาล์มน้ำมันได้ขยับขึ้นไปอยู่ที่ บาทต่อกิโลกรัม เป็นสถิติปรับตัวสูงขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา จากเดิมปรับขึ้นลงอยู่ระดับ บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ส่วนราคาปาล์มน้ำมันดิบ (CPO) ก็ทะลุจากเดิม 20-21 บาทต่อกิโลกรัม ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 บาทต่อกิโลกรัม

ปัจจัยหนุนราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกษตรชาวสวนปาล์มยิ้มออกได้ มาจากนโยบายกระทรวงพลังงานส่งเสริมมาตรการน้ำมันดีเซล B7 เพิ่มเป็น B10 และได้ประกาศให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลเกรดพื้นฐานมีผลในวันที่ มกราคม 2563 ส่งให้มีความต้องการในตลาดสูงมากขึ้น จนมีกระแสข่าวว่าปาล์มน้ำมันจะขาดตลาด

จากนโยบาย Energy For All การส่งเสริมการใช้ดีเซล B10 และโรงไฟฟ้าชุมชนได้ช่วยแก้ปัญหา PM 2.5 โดยการใช้น้ำมันดีเซล B10 จะสามารถลด PM 2.5 ได้ 3.5-13% และ B20 จะสามารถลดได้ 21-23% ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันดีเซล B10 มีจำนวน 411 สถานี และสถานีบริการน้ำมันดีเซล B20 มีจำนวน 2,743 สถานี เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะช่วยลดการเผาทิ้งวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าชุมชนที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน

Related Articles

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button