252 วิสาหกิจชุมชนรวมพลังประกาศยื่นประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน 400 เมกะวัตต์
252 วิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศรวมพลังเตรียมประมูลโรงไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ล่าสุด 24 วิสาหกิจชุมชนภาคอีสานตอนบน ลงนาม MOU กับภาคเอกชน ประกาศความพร้อมเข้ายื่นชิงโรงไฟฟ้าชุมชน 133 โรง รวม 400 เมกะวัตต์ มั่นใจจุดเด่นการเป็นวิสาหกิจที่เข้มแข็ง รู้จุดอ่อนและแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้จะเป็นกุญแจ “แก้ความยากจน” ตอบโจทย์นโยบาย “สนธิรัตน์โมเดล” ได้
นายนฤพล วันทูล ผู้จัดการเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเครือข่ายฯ เตรียมเข้ายื่นประมูลโรงไฟฟ้าที่ชุมชนที่กระทรวงพลังงานจะเปิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้ หลังจากที่ผ่านมาได้นัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อม และลงนาม MOU กับเครือข่ายฯ และวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ เพชรบูรณ์ พะเยา อุดรธานี ปัตตานี อุดรธานี นอกจากนี้ ยังเหลือพื้นที่ต่างๆ ที่ทางเครือข่ายฯ จะลงไปเตรียมความพร้อมซักซ้อมความเข้าใจ และลงนาม MOU กับชุมชน ได้แก่ ราชบุรี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และเลย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นี้ เพื่อจะได้รวบรวมข้อมูลวิสาหกิจชุมชนทั้งหมด 252 แห่ง ยื่นประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ตั้งเป้าหมายจะยื่นประมูลแข่งขันประเภทกลุ่มทั่วไป จำนวน 133 โรง รวมเกือบ 400 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 700 เมกะวัตต์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก “โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ (Biogas)” ระหว่างคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนกับภาคเอกชน ที่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี โดยมีวิสาหกิจที่ลงนาม MOU ด้วย 22 แห่ง และเดินทางมาสังเกตการณ์อีก 2 แห่ง รวมทั้งหมด 24 แห่ง โดยเป็นวิสาหกิจชุมชนจากจังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม อุดรธานี บึงกาฬ หนองบัวลำภู ขอนแก่น และ เลย ที่เดินทางมาร่วมลงนาม MOU ในครั้งนี้
“ทางเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเรามีจุดเด่นตรงที่เป็นวิสาหกิจมีความเข้มแข็ง มีการจับมือช่วยเหลือเป็นเครืองข่ายทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ รู้ปัญหาความต้องการของแต่ละชุมชน และสามารถนำเสนอแผนแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจนให้กับชุมชน จึงได้กำหนดเงื่อนไขให้คะแนน 60% กับผู้ที่เสนอแนวทางแก้ปัญหาความยากสนให้กับชุมชน และก็จะได้รับอนุมัติโรงไฟฟ้าชุมชนไป ไม่เพียงเท่านี้ เครือข่ายฯ ยังจุดเด่นตรงที่มีวัตถุดิบอย่างหญ้าเนเปียร์เพื่อเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าเพียงพอตลอดทั้งปี รวมถึงแต่ละพื้นที่มีสายส่งเพียงพอที่จะขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ”นายนฤพล กล่าวทิ้งท้าย