เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนฯ ได้ฤกษ์ลงปักษ์ใต้ปักธงศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านพะงุ้น จ.ชุมพร จัดเวทีประชาสัมพันธ์โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเศรษฐกิจฐานราก มีวิสาหกิจชุมชนผู้สนใจเข้าร่วมถึง 300 คน เผยมีความเข้าใจโครงการพร้อมเป็นเครือข่ายปลูกหญ้าเนเปียร์สนับสนุน หวังยกระดับรายได้ สร้างอาชีพให้ชุมชนตนเอง ขณะเดียวกันมีการลงนาม MOU การพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนก๊าซชีวภาพ ระหว่างภาคเอกชนกับคณะกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน มีวิสาหกิจชุมชนจากชุมพร สตูล สุราษฎร์ธานี และพัทลุง เข้าร่วม “นฤพล วันทูล” ชี้หลังจากนี้เตรียมตั้งบริษัทวิสาหกิจชุมชน 133 แห่ง เพื่อยื่นเสนอประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน 400 เมกะวัตต์
นายนฤพล วันทูล ผู้จัดการเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ เปิดเผยว่า เพื่อให้การดำเนินงานของเครือข่ายฯ เป็นรูปธรรม จึงได้จัดเวทีประชาสัมพันธ์โครงการขึ้น เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านพะงุ้น ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้นกับวิสาหกิชุมชนต่างๆ โดยมีผู้สนใจประมาณ 300 คน พร้อมกันนี้ได้รับฟังแสดงความคิดเห็นและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชนก๊าซชีวภาพ ไบโอแก๊ส ระหว่างภาคเอกชน กับคณะกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่สมัครใจเข้าร่วมเสนอโครงการขอขายไฟ จำนวน 40 คน จากวิสาหกิจชุมชน 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร สตูล สุราษฎร์ธานี และพัทลุง
นายนฤพล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้เครือข่ายฯจะมีการพัฒนากรรมการและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน พร้อมกับเพิ่มศักยภาพองค์กร ด้วยการจัดตั้งสำนักงาน จัดหาอุปกณ์สำนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมในการจดทะเบียนบริษัทวิสาหกิจชุมชนขึ้นมาว่า 133 บริษัท เพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นเสนอประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนจำนวน 133 โรงทั่วประเทศ ตามที่ทางเครือข่ายฯ ได้ประกาศเจตนารมย์ไว้
ด้านนางสังวาลย์ พิมลรัตน์ ผู้บริหารเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ กล่าวว่า เวทีประชาสัมพันธ์โครงการที่จัดขึ้นที่ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านพะงุ้นครั้งนี้มีวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่สนใจกันจำนวนมาก เพราะต้องการอยากรู้ที่มาที่ไปของโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งตอนนี้วิสาหกิจชุมชนเลี้ยงวัว ปลูกหญ้าเนเปียร์ ต้องการจะเข้าร่วมโครงการ เพราะเดิมมีการปลูกหญ้าเนเปียร์เพื่อเลี้ยงวัวอยู่แล้วจะได้ขยายพื้นที่การเพาะนำไปปลูกป้อนโรงไฟฟ้าด้วย และยังสามารถนำขี้วัวเป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้าได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีวิสาหกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิสาหกิจมะพร้าวสกัดเย็น ไข่เค็ม ตัดแต่งกิ่งไม้สวยงาม เห็ดนางฟ้า ก็มีความสนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเข้าร่วมโรงไฟฟ้าชุมชนด้วย
นางสังวาลย์ กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ มีแผนจะยื่นเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ 3 แห่งด้วยกัน ประกอบด้วย 1. ที่ตำบลครน อำเภอสวี 2. อำเภอละแม 3.อำเภอท่าแซะ โดยจะใช้หญ้าเนเปียร์ และขี้วัว เป็นเชื้อเพลิงป้อนโรงไฟฟ้า
“วิสาหกิจชุมชนที่เข้ามาฟังข้อมูลจากเวทีประชาสัมพันธ์แล้วมีความเข้าใจโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนมากขึ้น และสนใจอยากจะเข้าร่วมโครงการกับเรา บางครัวเรือนมีพื้นที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ใช้เลี้ยงวัวอยู่แล้ว 1-2 ตัว ก็จะเพิ่มจำนวนการปลูกหญ้าเนเปียร์มากขึ้น บางครัวเรือนมีสวนปาล์มที่มีอายุ 30-40 ปี ไม่มีผลผลิตแล้วกำลังคิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนไปลูกพืชอะไรดี เมื่อเข้ามาฟังได้รับข้อมูลจากเราแล้วตัดสินใจจะปลูกหญ้าเนเปียร์ เตรียมป้อนโรงไฟฟ้าชุมชน เพราะคาดหวังว่าเมื่อครอบครัวมีรายได้มากขึ้น ลูกหลานที่ไปทำงานนอกพื้นที่จะได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว” ผู้บริหารเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ กล่าว
ก่อนหน้านี้เครือข่ายวิสาหกิจชุมชนธนาคารต้นไม้ ได้ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อทำความเข้าใจกับวิสาหกิจชุมชน พร้อมแสดงความพร้อมในการยื่นเสนอโรงไฟฟ้าชุมชนเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการลงนาม MOU ระหว่างภาคเอกชนกับเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน โดยรวบรวมข้อมูลวิสาหกิจชุมชนทั้งหมด 252 แห่ง ทั่วประเทศตั้งเป้าหมายจะยื่นประมูลแข่งขันโรงไฟฟ้าชุมชนประเภทกลุ่มทั่วไป จำนวน 133 โรง รวมเกือบ 400 เมกะวัตต์ จากนโยบายกระทรวงพลังงานจะเปิดให้ผู้สนใจยื่นขอโรงไฟฟ้าชุมชน จำนวนทั้งสิ้น 700 เมกะวัตต์
