“อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์”กำไรสุทธิ 596 ล้านบาท เติบโต 10%
“บมจ. อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์”หรือ ILM โชว์กำไรปี 62 เท่ากับ 596 ล้านบาท เติบโต 10% และรายได้รวมทะลุ 9,900 ล้านบาท หลังยอดขายเติบโตยกแผงทั้งช่องทางออนไลน์ เฟอร์นิเจอร์สั่งตัด (Younique Customized Furniture) ลูกค้าโครงการในประเทศ และรายได้จากการให้เช่าและบริการ เตรียมขยายสาขาต่างประเทศเพิ่มในเวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ รวมถึงขยายสาขาวินเนอร์สโตร์ และสาขา Younique ในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสนอจ่ายเงินปันผล 0.46 บาทต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน นี้
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 เป็นปีที่สามารถเติบโตสวนกระแสภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว ซึ่งเกิดจากการเติบโตทั้งรายได้จากการขายสินค้าและรายได้จากการให้เช่าและบริการ โดยเฉพาะรายได้จากการให้เช่าและบริการที่สามารถขยายตัวได้อย่างโดดเด่นจากพื้นที่เช่าที่เพิ่มขึ้นและอัตราการเช่าพื้นที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและบริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความสามารถในการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) จากการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดสต็อคสินค้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่รายได้รวมในปี 2562 อยู่ที่ 9,903 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดให้บริการอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาใหม่ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ถึงปี 2562 ได้แก่ สาขาบางกรวย–ไทรน้อย สาขาชัยพฤกษ์ และสาขาจันทบุรี การเปิดวินเนอร์สโตร์สาขาแรก จังหวัดราชบุรี การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดขายสินค้าออนไลน์และยอดขาย Younique รวมถึงการเปิดแฟรนไชส์ 2 สาขาแรกที่กรุงโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีมาก ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 บริษัทมีสาขาแฟรนไชส์ในต่างประเทศ รวมทั้งหมด 19 แห่ง ใน 8 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา เมียนมาร์ เนปาล มัลดีฟส์ ปากีสถาน ลาว อินโดนีเซีย และเวียดนาม
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2563 บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง เช่น เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมาร์ ในขณะที่ในประเทศมีแผนการขยาย Younique อีกหลายสาขา และวินเนอร์สโตร์ อีก 1 แห่ง รวมถึงการมุ่งเน้นลดค่าใช้จ่ายในในการดำเนินงานและลดสต็อคสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของผลประการในปี 2563 ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้