NIAผนึกMIยกระดับการเกษตรใน 4 พื้นที่
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (MI) นำผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จ ขยายผลสู่การพัฒนาขีดความสามารถในระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยความร่วมมือดังกล่าวจะดำเนินผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดฝึกอบรมกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ การพัฒนาและแบ่งปันข้อมูลและเครือข่ายของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ ทั้ง2 หน่วยงาน ยังได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการหาแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลความสำเร็จนวัตกรรมเพื่อสังคมของ NIA ให้เป็นประโยชน์กับชุมชน โดยเฉพาะใน 4 พื้นที่ได้แก่ คำม่วน สปป.ลาว สะหวันนะเขต สปป. ลาว เมียวดี ประเทศเมียนมาร์ และกวางตรี ประเทศเวียดนาม
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา NIA ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง มีความมุ่งมั่นในการขยายขอบเขตการพัฒนาโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ความคิดใหม่ และเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการยกระดับคุณภาพชีวิต ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ความเท่าเทียมกันในสังคมและสามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุด เพื่อให้แนวนโยบายดังกล่าวมีการกระจายตัว และถูกนำไปพัฒนาในวงกว้าง NIA จึงได้ร่วมมือกับสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (MI) ในการร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion, GMS) ซึ่งจะร่วมมือกันนำผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จและพร้อมขยายผลสู่การพัฒนาขีดความสามารถในระดับอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆด้วยกัน
โดย NIA และ MI จะดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถในระดับภูมิภาค เพื่อพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การดำเนินการโครงการความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทางสังคม การจัดฝึกอบรมกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ การพัฒนาและแบ่งปันข้อมูลและเครือข่ายของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมถึงการแลกเปลี่ยนบุคลากร นักวิชาการ นักวิจัย นอกจากนี้ ยังมีแนวทางการในส่งเสริมและขยายผลความสำเร็จของโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมของไทย โดย MI จะร่วมพัฒนาข้อเสนอโครงการ และแสวงหาแหล่งทุนจากภายนอกมาสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดกระจายโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคมไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดความยากจน และขยายผลความสำเร็จไปสู่พื้นที่อื่นๆ ให้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนทั้งภูมิภาค
ในโอกาสครบรอบ 10 ปี แห่งการจัดตั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) NIA มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อการสร้างสรรค์เศรษฐกิจและสังคม พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการได้รับการสนับสนุนให้กับเยาวชน นักศึกษา ผู้ประกอบการ และผู้สนใจการพัฒนานวัตกรรมทุกระดับ นอกจากนี้ ยังมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ INNOVATION NATION หรือประเทศแห่งนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ
ด้าน ดร.วัชรัศมิ์ ลีลาวัฒน์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute: MI) กล่าวว่า “สถาบันเป็นองค์การระหว่างรัฐบาลที่มีภารกิจด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมสร้างศักยภาพในการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนและการขจัดความยากจนให้แก่ประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ภายใต้กรอบกิจกรรม 3 ด้าน ได้แก่ 1) การพัฒนาทางการเกษตรและการพาณิชย์ 2) การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และ 3) นวัตกรรมและการเชื่อมโยงเทคโนโลยี โดยสถาบันฯ จะดำเนินกิจกรรมหลักๆ 3 หัวข้อ ได้แก่ งานวิจัย งานฝึกอบรม และ งานข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
นอกจากนี้ NIA และ MI ยังได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจในการร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลของความสำเร็จของนวัตกรรมสังคมของ NIA ให้เป็นประโยชน์กับชุมชน โดยเฉพาะใน 4 พื้นที่ดำเนินโครงการที่ทางสถาบันฯ มีความร่วมมือและทำงานร่วมกับชุมชนอยู่แล้ว ได้แก่ คำม่วน สปป.ลาว/ สะหวันนะเขต สปป. ลาว/ เมียวดี ประเทศเมียนมาร์/ และกวางตรี ประเทศเวียดนาม โดยในระยะแรกจะดำเนินการโดยใช้แนวทางการฝึกอบรม และประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อการเกษตรในระยะนำร่อง (pilot phase) ใน 4 พื้นที่ดังกล่าวข้างต้น โดยมุ่งหวังให้เกิดการนำไปใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต รวมถึงเพิ่มการเข้าถึงตลาดในระดับอนุภูมิภาคและระดับสากลในลำดับต่อไป ก่อให้เกิดการพัฒนาที่เท่าเทียมกันและนำไปสู่การลดความยากจนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
อย่างไรก็ดี NIA และ MI ยังจะมีการนำเสนอโครงการ “Sustainable Agriculture and Innovation in MLC” เพื่อของบประมาณจากกองทุนพิเศษภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี 2562 (MLC Special Fund 2019) ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ ความเชื่อมโยง ศักยภาพในการผลิต เศรษฐกิจข้ามพรมแดน ความร่วมมือด้านทรัพยากรและเกษตร และการขจัดความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม