“เอ็กโก กรุ๊ป”ทุ่มงบลงทุนปี 63 ทะลุ 3 หมื่นล้าน
“เอ็กโก กรุ๊ป” เปิดแผนปี 63 ทุ่มงบ 3 หมื่นล้านบาท ขยายการลงทุนในประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว “ฟิลิปปินส์-เกาหลีใต้” และเจาะตลาดใหม่ๆ อย่างไต้หวัน พร้อมประกาศวิสัยทัศน์รับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจพลังงาน โดยมุ่ง “เป็นบริษัทไทย ชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืนด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” ขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 พุ่งแตะ 13,059 ล้านบาท เล็งปันผล ครึ่งปีหลัง 3.25 บาท
ดร. กัมปนาท บำรุงกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า “ผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป ปี 2562 เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 13,059 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8,014 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน จํานวน 14,177 ล้านบาท บริษัทฯ มีกำไรจากการดําเนินงานปกติ จำนวน 10,368 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จํานวน 1,173 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ เท่ากับบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลตลอดปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 6.50 บาท”
สำหรับผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2562 ประกอบด้วย การบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด รวมทั้งการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง
โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ตามกำหนด 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าถ่านหิน “ซานบัวนาเวนทูรา” ประเทศฟิลิปปินส์ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “ไซยะบุรี” สปป.ลาว เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562
การขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 2 โครงการ ได้แก่ การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ประเทศเกาหลีใต้ กำลังผลิต 19.80 เมกะวัตต์ ผ่านบริษัท พาจู เอ็นเนอร์ยี่ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เอ็กโกถือหุ้นร้อยละ 49 และการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นร้อยละ 25 เพื่อขยายการลงทุน ในโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล “หยุนหลิน” ในไต้หวัน กำลังผลิต 640 เมกะวัตต์
การขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง 1 โครงการ ได้แก่ การลงทุนด้วยการซื้อหุ้นร้อยละ 44.60 ในบริษัท ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค จำกัด เพื่อดำเนินโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยัง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง “กังดง” ประเทศเกาหลีใต้ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 82.45 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2563 และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำเทิน 1” สปป.ลาว ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 66 ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2565 นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่เป็นธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 22.15 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 4 ปี 2564
ดร.กัมปนาท กล่าวว่า “ในปี 2563 เอ็กโก กรุ๊ป ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ โดยมุ่งเป็น “บริษัทไทยชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจพลังงานอย่างยั่งยืน ด้วยความใส่ใจที่จะธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสังคม” เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ มุ่งเน้นการผลิตและให้บริการด้านพลังงาน ครอบคลุมการผลิตไฟฟ้า ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักของบริษัท และแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจในภาพรวม ตลอดจนเปิดกว้างเรื่องพื้นที่การลงทุน ที่ไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ดร.กัมปนาท กล่าวเสริมว่า เอ็กโก กรุ๊ป มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญ ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะขยายการลงทุนในประเทศที่มีฐานอยู่แล้ว เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเจาะตลาดในประเทศใหม่ๆ เช่น ไต้หวัน เป็นต้น และต่อยอดไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ การจัดหาเชื้อเพลิงและการให้บริการด้านพลังงาน รวมทั้งยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับ ธุรกิจหลัก เช่น Smart Energy Solution ในขณะเดียวกัน เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และการบริหารจัดการโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดและภายใต้งบประมาณที่วางไว้ โดยในปีนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่
“นอกจากบริษัทจะมีพื้นฐานทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่งแล้ว เอ็กโก กรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้าง ความแข็งแกร่งด้านทรัพยากรบุคคล พร้อมกับนำเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงาน ตลอดจนยกระดับด้านความยั่งยืนและการกำกับดูแลกิจการให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น” ดร.กัมปนาท กล่าวสรุป